ขอบคุณข้อมูลจาก https://tuthaiflood.wordpress.com/category/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%94/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1/
~~เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช), By tuthaiflood • Posted in วิธีฟื้นฟูหลังน้ำท่วม, หลังน้ำท่วม
~Category วิธีฟื้นฟูหลังน้ำท่วม APR 7 2012 บัญญัติ 21 ประการ ดูแลบ้านหลังน้ำท่วม บัญญัติ 21 ประการ ดูแลบ้านหลังน้ำท่วม
หลังจากที่วิกฤติน้ำท่วมได้ถาโถมเข้ามาอย่างหนัก และเริ่มขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ บรรดาประชาชนทุกคนตอนนี้ก็คงเฝ้าระวัง และเตรียมตัวกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ในระยะนี้… ส่วนผู้ประสบภัยที่บ้านถูกน้ำท่วมไปแล้ว ก็คงได้แต่ทำใจ และภาวนาให้เหตุการณ์ร้าย ๆ เช่นนี้ผ่านพ้นไปได้สักที
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้กระปุกดอทคอมได้นำเสนอบทความของ อาจารย์ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ ในหัวข้อ “บัญญัติ 20 ประการเตรียมบ้านก่อนน้ำท่วม” มาฝากกันแล้ว วันนี้เรามีบทความดี ๆ จากอาจารย์ยอดเยี่ยม มาฝากสำหรับผู้ประสบภัย ที่บ้านต้องจมอยู่ใต้บาดาล …ไปดูกันซิว่า หลังน้ำลดแล้วมีวิธีดูแล และฟื้นฟูบ้านอย่างไรบ้าง …
1. น้ำท่วมแล้ว น้ำลดแล้ว บ้านมีปัญหา เริ่มต้นที่ไหนดี
ความทุกข์ยากลำบากฉากแรกเพิ่งกำลังจะผ่านไปหลังน้ำลด แต่ความทุกข์ใหม่ กำลังเข้ามาแทนที่ เพราะสภาพ ของบ้าน อันถือว่าเป็นหนึ่ง ในปัจจัย 4 ของเรา มีสภาพที่น่าอึดอัด น่าอันตรายและเป็นรอยแผลที่หลายคน อยากจะเมินหน้าหนี
หากคิดจะแก้ปัญหาบ้านหลังน้ำท่วม เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าปัจจุบัน (แม้ไม่ สามารถ จะเปรียบเทียบ เท่ากับอดีต) แนะนำในฐานะลูกหลาน พี่น้องว่าน่าจะ เริ่มต้นดังนี้
1.) อย่าซีเรียสว่า ทำไมน้ำถึงท่วม ราชการหรือรัฐบาลไปอยู่ที่ไหน เพื่อน ๆ ในถิ่นอื่นทำไมบ้านเขา น้ำไม่ท่วม ฯลฯ เพราะนั่นไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหา “บ้านหลังน้ำท่วม” ที่เรากำลังจะคุยกันในบันทึกนี้
2.) ทำการตรวจสอบด้วยจิตอันนิ่งๆว่า บ้านเราเกิดปัญหาใดเพิ่มขึ้นบ้าง เมื่อเปรียบเทียบกับ ก่อนน้ำท่วม เช่นรั้วเอียง ปาเก้ล่อน แมลงสาบหายไปไหน ค่าไฟเพิ่ม ฯลฯ และ ทำบันทึกไว้เป็นข้อ ๆ ให้อ่านง่ายจดจำง่าย (ภาษาฝรั่ง เขาเรียกว่าทำ Check List)
3.) ถามตนเองว่าสภาพการเงินเราเป็นอย่างไร มีเงินจะใช้สำหรับการซ่อมแซมเท่าไร (รวมถึง การกู้ยืม แหล่งอื่น แต่ไม่รวม การโกง บ้านกินเมือง) จะได้วางแนวทางการจ่ายเงินอย่างมีขีดจำกัด และมีความเป็นไปได้
4.) เปิดบันทึกนี้อ่านให้จบ อย่าโกรธหากบางตอนของบันทึกนี้มีรูปตลกเกินไป หรือเขียนแบบสบาย ๆเกินไปบ้างในบางประโยคครับ
2. น้ำไม่ท่วมบ้าน แต่ท่วมถนนซอยหน้าบ้าน ต้องทำอะไรไหมหนอ
น้ำไม่ท่วมตัวบ้าน หรือแม้แต่บริเวณสนามหญ้าในบ้าน แต่ท่วมที่ถนนหน้าบ้านอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ก็ไม่น่าจะวางใจนัก เพราะ ส่วนที่บ้านเรากับทางสาธารณะ จะต้องเชื่อมประสานกันมากที่สุด และเรามักจะมองข้ามไปก็คือ “ท่อระบายน้ำ” ที่ถ่ายเทน้ำจากบ้านเรา ระบายออกสู่ท่อระบายน้ำของหลวง
Continue reading →
By tuthaiflood • Posted in วิธีฟื้นฟูหลังน้ำท่วม APR 3 2012 คู่มือการทำความสะอาดบ้านหลังน้ำลด
ถึงตอนนี้ เชื่อว่าระดับน้ำในหลายพื้นที่คงเริ่มลดกันไปบ้างแล้ว หลายครอบครัวก็เริ่มทยอยกลับเข้าบ้านกันอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อทุกคนกลับเข้าบ้าน อาจจะต้องผงะกับสิ่งที่เห็น… เพราะบ้านบ้านหลังเดิมอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!!! เพราะไม่เพียงแต่น้องน้ำจะเคลื่อนย้ายทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านไปคนละทิศคนละทางแล้ว แต่ยังฝากขยะและคราบสกปรกทิ้งไว้ตามพื้น กำแพง รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายที่อยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของเชื้อโรคอีกด้วย
ดังนั้น ภารกิจการทำความสะอาดบ้านครั้งนี้ ดูท่าจะเป็นงานที่หนักเอาการน่าดู แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว … แต่เพื่อน ๆ ไม่ต้องกังวลไป เพราะในวันนี้ เรามีวิธีในการทำความสะอาดบ้านอย่างครบครันทุกซอกทุกมุมมาฝากกันค่ะ
เตรียมพร้อมก่อนเข้าบ้าน
– เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม อาทิ แว่นตาช่าง, หน้ากากกรองฝุ่น, ผ้าปิดปากปิดจมูก, ถุงมือยาง, รองเท้าบูท, ไฟฉาย และหมวกนิรภัย
– จากนั้นแต่งกายให้พร้อมก่อนเข้าไปในตัวบ้าน สิ่งสำคัญคือห้ามประมาทและอย่าเข้าไปคนเดียว ต้องมีคนไปเป็นเพื่อน และต้องมีคนรออยู่ด้านนอก เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดขึ้น
ขั้นตอนก่อนเข้าไปยังตัวบ้านให้ปฏิบัติ ดังนี้
1.ก่อนเข้าไปในตัวอาคารบ้านเรือน ให้เดินดูบริเวณรอบ ๆ บ้านก่อน โดยสำรวจพิจารณาดูโครงสร้างที่อาจจะเสียหายเป็นอันตรายก่อนตัดสินใจที่จะเข้าไป
2.ระวังเรื่องสัตว์มีพิษต่าง ๆ ที่อาจหนีน้ำเข้าไปอาศัยอยู่ในตัวบ้าน
3.สังเกตดูรอยร้าว หรือการบิดตัวของโครงสร้างก่อนตัดสินใจเข้าไป
4.ตรวจดูที่จัดเก็บถังแก๊ส มองหาสิ่งผิดปกติที่อาจจะมีการรั่วซึม
5.ตรวจสอบการจ่ายไฟให้แน่ใจว่า ไฟฟ้ายังไม่ได้จ่ายกระแสเข้าไปในบ้าน โดยการดูที่คัตเอาท์ว่ายังมีการสับสวิตช์ลงอยู่หรือไม่
6.เปิดประตูให้เกิดการถ่ายเทอากาศ อย่าเหยียบเข้าบ้านทันที ให้สังเกตพื้นบ้าน ลองค่อย ๆ ใช้เท้าทิ้งน้ำหนักเพื่อทดสอบก่อน
7.สังเกตดูเพดานว่ามีการอมน้ำ แอ่นท้องช้าง หรือมีคราบน้ำอยู่หรือไม่ เพราะเพดานอาจพังทลายลงมาได้เมื่อมีการเคลื่อนไหวให้ระมัดระวัง
ตรวจเช็คเชื้อโรค-ระบบไฟฟ้า
1.การป้องกันตนเอง เช่น การใส่ถุงมือยาง และรองเท้าบูท ที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อโรคเชื้อรา, ป้องกันการสัมผัสสารเคมี รวมถึงป้องกันไฟดูด รวมทั้งคาดผ้าปิดจมูกและปากที่ช่วยป้องกันการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อราและไอระเหยของสารเคมีเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ
2.ในระหว่างการทำ ความสะอาดควรเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศระบายได้มากที่สุด โดยอาจเปิดพัดลมเพดานช่วยระบายอากาศ
3.ห้ามเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะเชื้อโรคต่าง ๆ จะถูกดูดเข้าไปอยู่ในระบบปรับอากาศ และจะกลายเป็นที่เพาะพันธุ์เชื้อราต่อไป ถือเป็นภัยเงียบที่เรามองไม่เห็น
4.จากนั้นก็มาเริ่มที่ระบบไฟฟ้าของทั้งบ้าน ซึ่งจะต้องถูกปิดทันทีที่น้ำท่วมบ้าน ดังนั้น ระบบไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งแรก ๆ ที่จะต้องจัดการทันทีที่น้ำลด โดยให้ช่างไฟฟ้ามืออาชีพมาตรวจสอบและซ่อมแซมให้หมดก่อนจึงจะสามารถกลับไปใช้ไฟฟ้าได้
5.บางครั้งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเดินสายไฟใหม่ทั้งหมด และสายไฟจะต้องแห้งสนิท รวมทั้งสวิตช์ไฟ, เต้าเสียบปลั๊กไฟต่าง ๆ ที่จมอยู่ใต้น้ำอาจจะมีโคลนตมและตะกอนที่มากับน้ำเข้าไปอยู่ จึงต้องมีการตรวจเช็กระบบอย่างละเอียด
6.ระบบเครื่องปรับอากาศ หลังน้ำลดต้องเรียกช่างแอร์มืออาชีพมาตรวจเช็คระบบเครื่องปรับอากาศภายในบ้านทั้งหมด พร้อมทั้งทำความสะอาดท่อต่าง ๆ, แผ่นกรองอากาศ เปลี่ยนฉนวนกันความร้อนที่จมน้ำ ฯลฯ เมื่อช่างแก้ไขให้เสร็จเรียบร้อยแล้วให้ซีลปิดไว้ก่อนจึงจะเริ่มการทำความสะอาดบ้าน
7.อย่าลืมว่าก่อนจะเปิดเครื่องปรับอากาศต้องทำความสะอาดบ้านจนเสร็จเรียบร้อยพร้อมกลับเข้าไปอยู่แล้วเท่านั้น
จัดพื้นที่เก็บขยะ
1.แน่นอนว่าจะมีขยะทั้งของบ้านเราเองและบ้านคนอื่น เลือกที่พักขยะหรือที่แขวนถุงขยะ เพราะสิ่งที่ลำบากที่สุดหลังน้ำลดก็คือปริมาณขยะมากกว่าคนจะมาเก็บขยะ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลา
2.เรียงลำดับ แยกประเภทขยะ เพราะกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ทิ้งขยะที่จะเน่าได้ก่อน เช่น เศษอาหาร ส่วนขยะบางประเภทเก็บไว้ในบริเวณบ้านก่อนได้แล้วค่อยทยอยทิ้งทีหลัง เช่น โฟม พลาสติก เฟอร์นิเจอร์ที่พังเสียหาย ส่วนขยะอันตราย จำพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า หลอดไฟ (ที่ยังไม่แตก) ควรคัดแยกไว้ต่างหาก แล้วหาวิธีจัดการอย่างเหมาะสมเป็นลำดับถัดไป
วิธีเลาะซิลิโคน ที่เราอัดรูระหว่างประตู ตอนน้ำท่วม มีดังนี้…
1. ใช้มีดปลายแหลมกรีดตามรอยซิลิโคนที่ยิง
2. เมื่อเอากำแพงออกจะมีรอยเลอะและคราบของซิลิโคนติดอยู่
3. ใช้มีดปลายแหลมลอกซิลิโคนออก (ถ้าไม่มีเครื่องมือข้างต้น อาจจะใช้คัตเตอร์ หรือมีดแทนได้)
4. ใช้มีดปลายแหลมขูดเศษของซิลิโคนออกอีกรอบ
5. ทำความสะอาดลอกซิลิโคนออกจากกำแพงกั้นน้ำสังกะสีหรือแผ่นโพลีคาร์บอเนตด้วยความปราณีตเผื่อได้ไว้ใช้งานต่อ
6. เก็บกวาดอีกครั้งก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
การทำความสะอาด
1. พื้น
ด้านนอกอาคาร ทำความสะอาดโดยการฉีดน้ำล้าง การขัด และใช้น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ สามารถ ล้างแบบเปียกได้แล้วทิ้งให้แห้ง สามารถใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรครวมด้วยเพื่อความสะอาด
ด้านในอาคาร เช็ดทำความสะอาด หากคราบฝังแน่น ขัดด้วยแปรงหรือแผ่นขัด และใช้น้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ สามารถใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรครวมด้วยเพื่อความสะอาดเพื่อทำความสะอาด
*หมายเหตุ หากพื้นที่กว้างสามารถใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง หรือเครื่องขัดพื้น ช่วยทำความสะอาดจะลดเวลาทำงานได้มาก
– พื้นไม้ สะสมความชื้นสูง ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทำความสะอาด ล้าง หรือเช็ดถู
– พื้นพรม หากสะสมความชื้นสูง แนะนำให้เปลี่ยนใหม่จะดีกว่า เพื่อความสุขภาพของผู้อยู่อาศัย หากไม่ชื้นมากให้ใช้เครื่องซักพรมทำความสะอาด หรือซักล้างด้วยแปรงขัดล้างทำความสะอาด แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดน้ำเพื่อดูดน้ำกลับ ระวังพรมบางประเภทไม่ทนต่อน้ำ กาวหรือขนพรมอาจหลุดได้
2. กำแพง
ด้านนอกอาคาร ทำความสะอาดโดยการฉีดน้ำล้าง การขัด และใช้น้ำยาทำความสะอาดต่างๆ สามารถ ล้างแบบเปียกได้แล้วทิ้งให้แห้ง สามารถใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรครวมด้วยเพื่อความสะอาด
ด้านในอาคาร เช็ดทำความสะอาด หากคราบฝังแน่น ขัดด้วยแปรงหรือแผ่นขัด และใช้น้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ สามารถใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรครวมด้วยเพื่อความสะอาดเพื่อทำความสะอาด แต่สีผนังอาจหลุด จะต้องแต่งใหม่
วอลเปเปอร์ เช็ดทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรค
3. เฟอร์นิเจอร์
ตู้บิลอิน เช็ดถูทำความสะอาด และฆ่าเชื้อโรค เปิดหน้าบานระบายความชื้น
เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว ฉีดล้างทำความสะอาด นำตากแดด หากเป็น เฟอร์นิเจอร์ผ้าจะเปียกและสะสมความชื้นสูง แนะนำให้เปลี่ยนใหม่จะดีกว่า เพื่อความสุขภาพของผู้อยู่อาศัย หากไม่ชื้นมากให้ซักล้างด้วยแปรงขัดล้างทำความสะอาด แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดน้ำเพื่อดูดน้ำกลับ
4. เครื่องใช้ต่าง ๆ
เครื่องครัว แช่ทำความสะอาดในน้ำคลอรีนผสม หรือ แอลกอฮอล์ เพื่อฆ่าเชื้อโรค แล้วนำไปแช่ในน้ำเดือดต้มทำความสะอาดอีกครั้ง
เครื่องเงินและโลหะ แช่ในน้ำเดือด เพื่อเป็นการต้มทำความสะอาด
ถึงเวลาลงมือทำ
หลังจากตรวจเช็กทุกอย่างจนแน่ใจแล้ว ก็มาถึงวิธีการทำความสะอาดขนานใหญ่ โดยเริ่มตามโปรแกรมดังนี้
1. เริ่มด้วยการขนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้านออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อสะดวกในการจัดการกับโคลนตมที่มากับน้ำ ให้ใช้พลั่วตักดินโคลนออกจากพื้นบ้านให้ได้มากที่สุด
2. ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง (ถ้ามี) หรือสายยางฉีดน้ำเพื่อชะล้างโคลนออกจากพื้นผิว อุปกรณ์อย่างหนึ่งที่จะช่วยผ่อนแรงได้มากคือ ไม้ปาดน้ำ หากไม่มีและพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก สามารถใช้ผ้าขนหนูทำเป็นผ้าลากน้ำได้ โดยเน้นการกำจัดดินโคลนออกไปให้หมด
3. เรื่องของพื้น หากพื้นบ้านของท่านมีการใช้วัสดุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไวนิล, เสื่อน้ำมัน, พรม, ปาร์เกต์ ฯลฯ มีความจำเป็นที่จะต้องรื้อวัสดุปูพื้นเหล่านั้นออกเพื่อให้พื้นด้านล่างแห้ง ซึ่งกว่าจะแห้งสนิทอาจใช้ระยะเวลานานพอสมควร
4. การทำความสะอาดพื้นทุกชนิด ต้องพิจารณาดูตามความเหมาะสมของพื้น โดยทั่วไป ๆ สามารถใช้น้ำผสมคลอรีนในอัตราส่วน 0.1% (1 CC ต่อน้ำ 1,000 CC) ฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณก่อนแล้วจึงขัดถูพื้นด้วยน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอก ขัดถูให้ทั่วบริเวณแล้วจึงราดด้วยน้ำร้อนเดือด ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาเคมีทำความสะอาดที่สามารถฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ ซึ่งต้องอ่านฉลากวิธีใช้ให้ละเอียดและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
5. หากเป็นไปได้ควรใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่นที่เป็นสารชีวภาพเอนไซม์ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อ กำจัดกลิ่น กำจัดคราบไขมันได้
– ข้อดี คือ สารชีวภาพเอนไซม์นั้นจะยังคงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อที่จะเกิดขึ้นใหม่จากความชื้นต่อไปได้อีกนานประมาณ 3-6 เดือน ตราบที่พื้นยังมีความชื้นอยู่ และที่สำคัญสารชีวภาพเอนไซม์นั้นไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
6. สำหรับพื้นบ้านที่ปูพรม ถ้าพื้นบ้านที่ปูพรมจมอยู่ใต้น้ำท่วมหรือน้ำเสีย ควรจะตัดใจกำจัดทิ้งไปเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ เพราะพรมเป็นแหล่งเพาะเชื้อราอย่างดี
– การทำความสะอาดพรมด้วยตัวเองเป็นเรื่องยาก ต้องใช้มืออาชีพที่เชื่อถือได้ว่าจะใช้น้ำยาซักพรมที่ฆ่าเชื้อกำจัดกลิ่น และใช้เครื่องมือซักพรมชนิดพิเศษที่สามารถทำความสะอาดได้ล้ำลึก แต่ค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดค่อนข้างสูง ควรพิจารณาให้ดี
วิธีกำจัดเชื้อราในบ้าน
ข้อแนะนำ
1. การป้องกันร่างกายให้ถูกต้อง เช่น สวมถุงมือยาง (เช่น ถุงมือล้างจานที่แม่บ้านใช้) สวมรองเท้าบูทยาง สวมหน้ากาก (mask) สวมเสื้อผ้ามิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ความสกปรกมาถูกตัว ถูกผิวหนัง/แผล หรือน้ำกระเด็นเข้าปาก/น้ำเข้าตา ต้องล้างมือล้างเท้าด้วยน้ำสะอาดและสบู่บ่อย ๆ ต้องคำนึงว่ากำลังทำงานอยู่กับของสกปรก
2. ใช้น้ำยาที่ใช้อยู่ตามปกติ ทำความสะอาดคราบต่าง ๆ (คราบดิน/โคลน คราบน้ำ) ก่อนในขั้นแรก เพื่อเอาความสกปรกออกให้ได้มากที่สุด เช่น น้ำยาล้างบ้าน ล้างพื้นห้องน้ำ ผงซักฟอก เป็นต้น แต่ต้องปฏิบัติตามฉลากของนำยาเหล่านั้นให้ถูกต้อง เช่น อะไรใช้กับไม้ กับกระเบื้อง กับ โลหะ (= ต้องอ่านฉลาก)
3. ควรทำในที่ที่อากาศถ่ายเทดี (ห้ามเปิดพัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ เพราะจะทำให้เชื้อราฟุ้งกระจายในอากาศ) ขั้นตอนการทำความสะอาดเชื้อราในแต่ละส่วน
1. เมื่อเกิดเชื้อราขึ้นกับวัสดุที่เป็นพื้นแข็ง ให้ใช้น้ำสบู่ แอลกอฮอล์ หรือน้ำยาขัดห้องน้ำล้าง และขัดให้ด้วยแปรงชนิดแข็งจนเชื้อราออกจนหมดจด จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหลาย ๆ รอบจนกว่าจะแน่ใจว่าสะอาด
2. วัสดุที่เป็นเนื้ออ่อน เช่น หนังสือ กระดาษมัน พลาสติก กล่อง ให้ใช้สำลีชุบฟอร์มาลีนเช็ด แล้วตามด้วยผ้าชุบน้ำสะอาด จากนั้นนำไปวางไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเท และมีแสงแดดส่องถึงเล็กน้อย แล้วปล่อยให้แห้ง
3. พรม ฝ้า หรือที่นอน หากมีเชื้อราขึ้น ให้โยนทิ้งจะปลอดภัยที่สุด เพราะวัสดุที่มีรูอย่างพรม ฝ้า และที่นอนนี้ เป็นวัสดุที่ล้างเชื้อราออกได้ยากมาก และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถล้างออกได้หมดจด 100% ซึ่งถ้าหากยังดันทุรังใช้ต่อไป ความชื้นในห้องก็อาจจะทำให้เชื้อราลุกลาม ฟักตัวได้กว้างขึ้น ทำให้เกิดโรคและเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของผู้อยู่อาศัยไม่รู้ตัว ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่คุ้มกันเลยล่ะ
4. อย่าทาสีหรือแลคเกอร์ทับในบริเวณที่เกิดเชื้อรา ให้ล้างออกให้สะอาดหมดจดก่อน จากนั้นค่อยเริ่มทาสีหรือแลคเกอร์
5. กรณีที่เชื้อราผุดให้เห็นในข้าวของเครื่องใช้ประเภทเครื่องหนัง ให้ใช้น้ำส้มสายชูเช็ดหลาย ๆ ครั้ง จนแน่ใจว่าสะอาด จากนั้นเช็ดครั้งสุดท้ายด้วยน้ำสะอาด น้ำส้มสายชูจะช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดี
6. เฟอร์นิเจอร์ หรือของใช้ที่เป็นไม้เนื้ออ่อน โดยปกติวัสดุเหล่านี้จะเสี่ยงต่อการขึ้นราเมื่อมีความชื้นอยู่แล้ว ซึ่งมันจะไม่เป็นอะไรมากนักหากนำมาล้างทำความสะอาดภายใน 24-48 ชั่วโมงที่พบเชื้อ หรือเริ่มสังเกตเป็นดอกเป็นดวงขึ้น แต่ในกรณีที่น้ำท่วมแล้วปล่อยบ้านไว้นานเป็นเดือน ๆ ขอแนะนำให้ทิ้งข้าวของเครื่องใช้ที่ทำด้วยไม้เนื้ออ่อนเหล่านั้นไปอย่างไม่ต้องเสียดาย เพราะอาจจะฟักตัวเป็นเชื้อราที่อันตรายมากขึ้นได้
7. ย้ายเฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องใช้ที่มีราขึ้น (และตอนนี้ได้ทำความสะอาดแล้ว) ไปอยู่ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือที่แสงแดดส่องถึงสักระยะหนึ่ง คือประมาณ 1-2 สัปดาห์ แล้วหมั่นคอยตรวจสอบว่า หลังจากทำความสะอาดแล้วยังมีเชื้อราขึ้นอยู่อีกหรือไม่ หากไม่มีก็แสดงว่าสามารถแน่ใจแล้วว่าเราได้ทำความสะอาดเชื้อราออกไปได้อย่างหมดจดแล้วจริง ๆ แต่หากยังพบร่องรอยของเชื้อรา ขอให้นำมาทำความสะอาดใหม่ เพราะมันจะลามได้ง่ายมากถ้าหากวันหนึ่งอากาศชื้นอีกครั้ง
8. วอลเปเปอร์ ใช้กรดซาลิไซลิด ผสมกับแอลกอฮอล์ในอัตราส่วน 1:5 จากนั้นนำผ้ามาชุบไปเช็ดวอลเปเปอร์ซ้ำ ๆ ประมาณ 2 รอบ แต่ถ้าหากว่ามีเชื้อราอยู่มาก แนะนำให้รื้อทิ้งแล้วเปลี่ยนวอลเปเปอร์ใหม่จะดีกว่า
9. เสื้อผ้า ผ้าม่าน และผ้าห่ม หากพบเชื้อรา สามารถฆ่าเชื้อเบื้องต้นได้โดยใช้น้ำร้อน จากนั้นขยี้แล้วซักให้สะอาดหลาย ๆ ครั้ง และตากในที่ที่มีแสงแดดเท่านั้น เพื่อเป็นการฆ่าเชื้ออีกที
10. งดกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดความชื้นภายในบ้าน หากตัวบ้านเพิ่งมีราขึ้นและได้รับการทำความสะอาดไปใหม่ ๆ ไม่ควรต้มน้ำ ซักผ้า ตากผ้า เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นจัด แต่ควรเปิดให้อากาศภายนอกได้ระบายเข้ามาบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันแดดจัด แม้ว่าจะทำให้คุณร้อนอบอ้าวไปบ้าง แต่แสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อราได้ดีเลยทีเดียว
เตรียมพร้อมรับมืออยู่กับน้ำ (ในคราวหน้า)
1. หากเลือกได้ ปูพื้นบ้านด้วยกระเบื้องดูจะเป็นทางเลือกที่ง่ายต่อการทำความสะอาดที่สุด
2. ถังส้วม อย่าฝังไว้ในดิน ลองประยุกต์พื้นที่จัดวาง เช่น ใต้บันได
3. กล่องไฟแยกระบบชั้นบน-ชั้นล่างชัดเจน ถึงเวลาน้ำมาตัดไฟชั้นล่าง ใช้ชีวิตชั้นบนได้ตามปกติ
4. ทุกชุมชนควรกำหนดพื้นที่พักขยะหรือซากปรักหักพังเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติไว้อย่างชัดเจน ขยะจะได้ไม่ล้นทะลัก และช่วยให้ง่ายต่อการจัดการในภายหลัง
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก , สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช), 108clean.com, มูลนิธิโลกสีเขียว
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช), By tuthaiflood • Posted in วิธีฟื้นฟูหลังน้ำท่วม, หลังน้ำท่วม